วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง (PRE-STRESSED CONCRETE PILE)

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง (PRE-STRESSED CONCRETE PILE)

Pre-stressed concrete pile
เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มีภาคตัดขวางเดียวกันตลอดทั้งต้น (ยกเว้นส่วนปลายแหลม) ผ่ามกรรมวิธี หล่อคอนกรีตหุ้มลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรง เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงของ บริษัท เบสท์-แพค คอนกรีต ได้ผ่าน การรับรองมาตรฐานต่างๆ อาทิ มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก. 396-2549) มาตรฐานกรมทางหลวง ซึ่งมีเสาเข็ม หลากหลายรูปแบบในขนาดที่เหมาะสม สำหรับการใช้งานครบทุกประเภท พร้อมบริการปั้นจั่นตอกเสาเข็มในราคาพิเศษ
image006

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตัน

image007
เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตัน

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง รูปสี่เหลี่ยมกลวง

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง รูปสี่เหลี่ยมกลวง
เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง รูปสี่เหลี่ยมกลวง

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง รูปตัวไอ

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง รูปตัวไอ
42-3-2

เสาเข็มเขื่อน

เสาเข็มที่ดีและการเลือกใช้งานเสาเข็ม

เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงนั้น เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับฐานรากของสิ่งก่อสร้างที่เราต้องการสร้าง ซึ่งเรียกว่าเป็นสิ่งแรกๆ ที่จะต้องดำเนินการทำ และส่งผลต่อความแข็งแรงของอาคาร บ้านพัก หรือโครงสร้างต่างๆ อย่างมาก
โดยปรกติแล้ว เสาเข็มนั้น จะใช้กันอย่างแพร่หลายและกว้างขวาง ซึ่งทำให้มีเสาเข็มให้เราใช้งานกันได้เป็นจำนวนมากหลากหลายตามความเหมาะสมของสิ่งก่อสร้าง แต่หลักๆแล้ว เสาเข็มต่างๆนั้นจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก. ในการคัดเลือกใช้งานจึงควรเลือกเสาเข็มที่ได้มาตรฐาน ไม่มีการชำรุดหรือแตกร้าว ซึ่งอาจจะเกิดได้ในระหว่างการขนส่งหรือระหว่างการดำเนินการอื่นๆได้
สำหรับเสาเข็มของทาง BPC นั้นได้รับการรับรองมาตรฐาน และเชื่อใจได้ในคุณภาพของเสาเข็มแต่ละต้นว่า จะได้คุณภาพมาตรฐานอย่างแน่นอน
ส่วนการนำเสาเข็มไปใช้งานนั้น เพื่อให้รับแรงที่เกิดขึ้นจากตัวอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างให้ได้ดีนั้น นอกจากเสาเข็มที่ต้องได้มาตรฐานแล้ว วิธีการตอกยังเป็นเรื่องสำคัญอีกด้วย โดยจะต้องให้หน้าสัมผัสของเสาเข็มนั้นตรงกันพอดี สำหรับในกรณีที่ต้องต่อเสาเข็มในสิ่งปลูกสร้างใหญ่ๆ
ปั้นจั่นและวิธีการตอกเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อโครงสร้างอีกด้วย ดังนั้นหากท่านไม่มั่นใจ หรืออยากได้รับบริการที่คุ้มค่า ได้มาตรฐานและได้รับการควบคุมที่ดี ทาง BPC ก็มีบริการปั้นจั่น ที่สามารถไว้วางใจในการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้คุณภาพสูงสุดอีกด้วย
สำหรับท่านที่ต้องการเสาไฟฟ้า ทางเราก็มีเสาไฟฟ้าคอนกรีตว้ให้ท่านได้เลือกขนาดที่ต้องการ
คุณสมบัติ

คอนกรีตประเภทนี้ ถูกออกแบบส่วนผสมตามค่ากำลังอัดที่อายุ 28 วัน และค่าการยุบตัวสำหรับงานเทเข็มเจาะขนาดใหญ่ โดยมีการผสมคอนกรีตด้วยหน่วงการก่อตัว และลดปริมาณน้ำในส่วนผสม ตามมาตรฐาน ASTM C 494 ทำให้คอนกรีตมีความสามารถในการทำงานเพิ่มขึ้น ไม่เกิดการแยกตัวขณะเทคอนกรีต รวมถึงเพิ่มอายุการทำงานของคอนกรีตมากกว่า 4 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อให้เหมาะสมกับงานเข็มเจาะขนาดใหญ่ เนื่องจากคอนกรีตประเภทนี้มีระยะเวลาการแข็งตัวที่ช้ากว่าคอนกรีตปกติ ทำให้การพัฒนากำลังอัดในช่วงต้นของคอนกรีตประเภทนี้ต่ำกว่าคอนกรีตโดยทั่วไป

ขั้นตอนการทำงาน

คอนกรีตสำหรับงานเข็มเจาะขนาดใหญ่ เนื้อคอนกรีตถูกออกแบบมาให้มีค่าความยุบตัวสูง และไม่แยกตัวขณะเทคอนกรีต นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีอายุการใช้งานที่นานกว่าคอนกรีตปกติ ซึ่งมั่นใจได้ว่าเสาเข็มเจาะใหญ่แต่ละต้นจะมีคุณภาพดีตั้งแต่เริ่มต้นจน กระทั่งจบงาน โดยมีค่ากำลังอัดตั้งแต่ 280– 400 กก./ตร.ซม. ที่ค่าการยุบตัว 17.5-22.5 ซม.

ข้อแนะนำ

1. หลีกเลี่ยงการผสมน้ำเพิ่มที่หน้างาน เพราะจะทำให้ส่วนผสมคอนกรีตเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลให้คอนกรีตเกิดการแยกตัว ขณะเทคอนกรีต เกิดปัญหาคอนกรีตเป็นฝุ่นที่ผิวหน้า เกิดปัญหาค่ากำลังอัดต่ำกว่าค่าการรับรอง เป็นต้น

2. ในระหว่างการเทคอนกรีต ควรมีการลำเลียงคอนกรีตอย่างเหมาะสม ไม่ปล่อยคอนกรีตจากที่สูงเพื่อป้องกันการแยกตัวของคอนกรีต รวมทั้งการทำคอนกรีตให้แน่นอย่างเหมาะสม เพื่อให้คอนกรีตเข้าแบบหล่อได้อย่างสมบูรณ์ เป็นเนื้อเดียวกันไม่เกิดรูพรุนเมื่อคอนกรีตแข็งตัวแล้ว




งานคอนกรีตเหมาะสำหรับงานทั่วไป

คุณสมบัติ

คอนกรีตประเภทนี้ ถูกออกแบบส่วนผสมตามค่ากำลังอัดที่อายุ 28 วัน และค่าการยุบตัวสำหรับงานเทคอนกรีตทั่วไป และงานเทคอนกรีตด้วยปั๊ม โดยส่วนผสมแปรผันตามค่าอัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์ รวมทั้งมีการผสมคอนกรีตด้วยสารลดน้ำและหน่วงการก่อตัว  ตามมาตรฐาน ASTM C 494 ทำให้คอนกรีตมีความสามารถในการทำงานได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงระยะเวลาการทำงานสำหรับงานคอนกรีตที่นานขึ้น

ขั้นตอนการทำงาน

คอนกรีตชนิดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป และงานเทคอนกรีตที่ต้องใช้คอนกรีตปั๊ม อาทิเช่น อาคารพาณิชย์ บ้านเดี่ยว ทาวเฮาส์ ตึกสูง งานถนน พื้นโรงงาน และลานจอดรถ ที่มีค่าอัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์และค่าการพัฒนากำลังที่เหมาะสมต่อการก่อ สร้างโครงสร้างทั่วไป ค่ากำลังอัดของคอนกรีตมีให้เลือกตั้งแต่ 180-450 กก./ตร.ซม. ที่อายุ 28 วัน  สำหรับค่าความยุบตัวขนาดต่าง ๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ รวมไปถึงคอนกรีตหยาบที่ไม่รับรองค่ากำลังอัด

ข้อแนะนำ

1. หลีกเลี่ยงการผสมน้ำเพิ่มที่หน้างาน เพราะจะทำให้ส่วนผสมคอนกรีตเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลให้คอนกรีตเกิดการแยกตัว ขณะเทคอนกรีต เกิดปัญหาคอนกรีตเป็นฝุ่นที่ผิวหน้า เกิดปัญหาค่ากำลังอัดต่ำกว่าค่าการรับรอง

2. ในระหว่างการเทคอนกรีต ควรมีการลำเลียงคอนกรีตอย่างเหมาะสม ไม่ปล่อยคอนกรีตจากที่สูง เพื่อป้องกันการแยกตัวของคอนกรีต รวมทั้งการทำคอนกรีตให้แน่น อย่างเหมาะสม  เพื่อให้คอนกรีตเข้าแบบหล่อได้อย่างสมบูรณ์ เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่เกิดรูพรุนเมื่อคอนกรีตแข็งตัวแล้ว

3. หลังจากที่คอนกรีตแข็งตัวแล้ว ควรมีการบ่มคอนกรีตที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำของคอนกรีต ส่งผลให้ ลดปัญหาในเรื่องของการแตกร้าวของคอนกรีตเนื่องจากการหดตัว และทำให้การพัฒนากำลังอัดคอนกรีตเกิดได้อย่างสมบูรณ์



ขั้นตอนการผลิตอิฐ


วัตถุดิบที่ใช้ทำอิฐ
  • ดินเหนียวหรือดินโคลน
  • วัสดุอื่นๆเช่นแกลบขี้เถ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง
ขั้นตอนการผลิตอิฐ

ในการผลิตอิฐนั้นเราแยกขั้นตอนต่างๆ ออกดังต่อไปนี้

  • ขั้นการเตรียมดิน ดินที่จะใช้ควรนำมาตากลมไว้ก่อนใช้ 1 – 2 เดือนจะทำให้ดินอ่อนนุ่มและเหนียวดียิ่งขึ้น ถ้าเป็นดินแข็งต้องนำเครื่องบดดินก่อนนำมาย่ำให้เป็นเนื้อเดียวกันจากนั้นใช้แกลบหรือขี้เถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งผสมในอัตราส่วนไม่เกิน25 % เพราะถ้ามากกว่านี้จะได้อิฐเปราะไม่แข็งแรง
  • ขั้นขึ้นรูปแผ่นอิฐในขั้นนี้มีวิธีการทำอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ
  • การทำด้วยแรงคนวิธีนี้จะต้องมีแม่พิมพ์ หรือแบบซึ่งอาจจะทำด้วยไม้หรือโลหะ เมื่ออัดดินลงไปในแบบแล้ว ใช้ไม้หรือมือปาดให้ด้านบนเรียบเสมอ แล้วจึงนำแบบออก (พื้นล่างจะใช้ขี้เถ้าเพื่อป้องกันอิฐติดกับพื้น) จากนั้นผึ่งอิฐให้แห้งหมาดๆ แล้วนำมาตบแต่งให้เรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงนำเข้าเตาเผาต่อไป
  • การทำด้วยเครื่อง วิธีนี้นำดินเหนียวใส่เข้าไปในเครื่องอัด เครื่องจะทำการอัดดินออกมาเป็นแท่งได้ขนาดเท่ากันทุกแผ่น มีผิวเรียบ นำไปผึ่งให้แห้งหมาดและแห้งด้วยอากาศ แล้วจึงนำเข้าเตาเผาต่อไป
  • ขั้นการผึ่งให้แห้ง ถ้านำอิฐที่ยังเปียกอยู่เข้าเตาเผาทันที ความชื้นที่ผิวจะออกเร็วเกินไป อาจทำให้อิฐแตกเนื่องจากการหดตัวเร็ว ฉะนั้นจึงต้องมีการผึ่งให้แห้งหรือแห้งเพียงหมาดๆ แล้วจึงนำเข้าเตาเผา
  • ขั้นการเผา นำอิฐที่ผึ่งแห้งหมาดเข้าเตาเผา โดยนำอิฐเข้าไปเรียงเป็นชั้นๆ อิฐที่นำเข้าเตาเผาครั้งหนึ่งๆ ประมาณ 5000 – 10000 ก้อน จากนั้นใช้แกลบคลุมอิฐทั้งหมดให้มิด แกลบทำหน้าที่เป็นเชื้อเพลิงในการเผา ความร้อนจะเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงความร้อนสูงสุด และลดต่ำลงตามลำดับจนเย็นใช้เวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ แล้วจึงนำอิฐออกจากเตา
ลักษณะของอิฐที่ดี
  • มีรูปร่างเรียบร้อยดี ไม่แอ่นปิดหรือไม่มีขอบขรุขระมากทุกเหลี่ยมได้ฉาก
  • สุกสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น
  • มีความเหนียวไม่แตกหักง่าย
  • มีขนาดโตเท่ากันทุกก้อน(โดยเฉลี่ย)
  • เมื่ออิฐหักออกจะเห็นเนื้อภายในคล้ายหินและแน่นมากไม่มีรูพรุนหรือรอยแตกร้าว
  • มีสีสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น
  • ไม่ดูดน้ำเกิน10%ของน้ำหนักอิฐเมื่อแช่น้ำไว้24ชั่วโมง
  • เคาะฟังเสียงดู มีเสียงแกร่งคล้ายโลหะ
ชนิดของอิฐ
  • ในงานก่อสร้างอิฐที่นิยมใช้กันอยู่ได้แก่
  • อิฐประดับเป็นอิฐที่ทำจากดินเหนียวโดยใช้เครื่องอัดให้เป็นรูปร่าง อิฐชนิดนี้มีเนื้อเรียบและแข็งแรงรับน้ำหนักได้ดีใช้ก่อกำแพงโชว์ไม่ต้องฉาบปูนจะมีอักษรย่อบนแผ่นอิฐ เช่น บ.บ.ท. (บางบัวทอง) บ.ป.ก. (บางปะกง)
  • อิฐโปร่งเป็นอิฐที่ทำจากดินเหนียวโดยใช้เครื่องอัดให้เป็นรูปร่างเช่นเดียวกับอิฐประดับแต่ตรงกลางแผ่นจะออกแบบให้เป็นช่องหลายช่อง เพื่อให้มีน้ำหนักน้อยลงอิฐชนิดนี้จะมีน้ำหนักเบาแต่จะมีความแข็งแรงดีใช้ในการก่อกำแพงต่างๆ
  • อิฐมอญเป็นอิฐที่ทำจากดินเหนียวหรือดินโคลนผสมกับแกลบ10%หรือขี้เถ้าอิฐมอญที่ขึ้นรูปด้วยแรงคนรูปร่างไม่ค่อยเรียบร้อยนักนิยมกันมากราคาถูกเหมาะสำหรับก่อกำแพงอิฐที่จะต้องฉาบปูน ปัจจุบันได้มีการนำเครื่องจักรมาใช้ในการขึ้นรูป ทำให้ได้รูปร่างของอิฐที่เรียบร้อยขึ้น มีขนาดเท่ากันทุกก้อน ใช้ก่อผนังโชว์ได้
  • อิฐทนไฟเป็นอิฐที่ทำจากดินเหนียวที่มีส่วนผสมของอลูมิน่าและซิลิก้าโดยใช้เครื่องอัดให้เป็นรูปร่างเป็นอิฐที่ใช้ในการสร้างเตาต่างๆเช่นเตาถลุงแร่เตาหลอมโลหะ อิฐทนไฟเป็นอิฐที่ทนความร้อนได้สูงมากมีเนื้อละเอียดแน่นแข็งแรง
ตามที่ว่ามาจากข้อมูลและกระบวนการผลิตและคัดสรรค์ด้านบนก็จะได้อิซมอญตามคุณสมบัติดังนี้
  • มีความแกร่งและแข็งแรงทนต่อการกระแทก
  • มีขนาดได้มาตรฐาน
  • สามารถป้องกันความร้อนจากอุณหภูมิภายนอกได้ดี (มีรูตรงกลางเป็นฉนวนอากาศ)
  • สามารถทนความร้อนได้สูง ยากต่อการพังทลายเมื่อเกิดเหตุเพลิงใหม้
  • เมื่ออิฐโดนน้ำจะไม่เปลี่ยนรูป จะยังคงสภาพเดิม

อิฐมวลเบาคิวคอน Q-CON

อิฐมวลเบาคิวคอน Q-CON

ผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก Q-CON

     อิฐมวลเบาหรือคอนกรีตมวลเบา คือ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชนิดใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับงานก่อสร้างผนังและพื้นด้วยคุณสมบัติพิเศษที่เหนือกว่า ประกอบกับการออกแบบและก่อสร้างอาคารบ้านเรือนในปัจจุบัน คำนึงถึงความสำคัญในเรื่อง"คุณภาพชีวิต" ของผู้อยู่อาศัย "การประหยัดพลังงาน" มากขึ้นทำให้ "อิฐมวลเบา"ได้รับความนิยมและเข้ามามีบทบาทในการก่อสร้างมากขึ้น


คุณสมบัติของอิฐมวลเบา  

      
  • ประหยัดพลังงาน
      กันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญถึง 4-8 เท่า จึงช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกสู่ภายในอาคาร ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากขนาดเครื่องปรับอากาศที่เล็กลงและลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 30%  
  •   
  • น้ำหนักเบา
      น้ำหนักเบากว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า และเบากว่าคอนกรีต 4-5 เท่า ส่งผลให้ประหยัดค่าก่อสร้างโครงสร้างอาคารและเสาเข็มลงได้อย่างมาก แต่อาคารยังคงมีความแข็งแรงเท่าเดิม  
  •   
  • มิติเที่ยงตรง
      
    ขนาดมิติเที่ยงตรง แน่นอน ได้ชิ้นงานที่เรียบ สวยงาม มีหลายขนาดให้เลือก ประหยัดวัสดุและแรงงานในการก่อ ฉาบ  
  •   
  • ใช้งานง่าย
      ใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องอาศัยความชำนาญสามารถตัด แต่ง เลื่อย ไส เจาะได้โดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่ใช้งานง่ายและหาซื้อได้ทั่วไป   
  •   
  • ก่อสร้างได้เร็ว
      มีขนาดใหญ่กว่าแต่น้ำหนักเบาขนย้ายได้สะดวก ทำงานได้เร็วกว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า เร่งรัดงานให้เสร็จทันเวลาได้อย่างเป็นระบบ  
  •   
  • กันเสียงและดูดซับเสียงได้ดี
      กันเสียงได้ดีกว่าอิฐมอญ สามารถช่วยลดทอนความดังของเสียงจากภายนอกอาคารและภายในระหว่างห้องได้เป็นอย่างดี 
  •   
  • ทนไฟนานกว่า 4 ชั่วโมง
      ทนทานต่อเพลิงไหม้ที่อุณหภูมิสูงได้เป็นอย่างดี สามารถกันไฟได้นานกว่าผนังอิฐมอญ 2-4 เท่า  
  •   
  • ไม่มีสารพิษ
      สามารถหยิบจับหรือสัมผัสได้เมื่อถูกเผาไฟจะไม่เกิดควันหรือสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  •   
  • อายุการใช้งานยาวนาน
      
    ไม่สึกกร่อนและสามารถทนต่อสภาพอากาศได้ทุกสภาวะ ทุกภูมิประเทศทั่วโลก

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

ประเภทของหลังคา

ประเภทของหลังคารูปแบบต่างๆ ที่นิยมใช้อยู่ทั่วไป ซึ่งหลังคาแต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ให้ท่านพิจารณาเลือกใช้ ตามความเหมาะสม รูปแบบของหลังคาสามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบต่างๆ กันได้ดังนี้

1. หลังคาแบน (Flat Slab) มีลักษณะแบนราบคล้ายกับเป็นพื้นจึงมักถูกใช้เป็นพื้นดาดฟ้า แต่เนื่องจากรับความร้อนมาก และกันแดดกันฝน ไม่ค่อยได้ จึงไม่ใคร่เหมาะกับบ้านเราสักเท่าไร แต่ที่เห็นนำมาใช้กันได้ก็เห็นจะเป็นอาคารตึกแถวหรืออาคารพานิชย์สูงหลายชั้น และอาคารที่ไม่เน้น ความสวยงาม ของรูปทรงหลังคา การก่อสร้างหลังคาประเภทนี้คล้ายๆ กับการก่อสร้างพื้น แต่มีข้อควรทำคือ ควรจะผสมน้ำยากันซึม หรือควรมีวัสดุกันซึมปูทับอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งทำให้บนพื้นที่หลังคาประเภทนี้ขึ้นไปใช้ประโยชน์ได้

ประเภทของหลังคา
2. หลังคาเพิงหมาแหงน (Lean To)เป็นหลังคาที่ยกให้อีกด้านสูงกว่าอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้สามารถระบายน้ำฝนได้ เหมาะสมสำหรับบ้านขนาดเล็ก เนื่องจากก่อสร้างง่าย รวดเร็ว ราคาประหยัด แต่ต้องระวังควรให้หลังคามีองศาความลาดเอียงมากพอ ที่จะระบายน้ำฝนออกได้ทันไม่ไหลย้อนซึมกลับเข้ามาได้ โดยอาจพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่น เช่น ความชันจากขนาดของหลังคา วัสดุมุงหลังคา และระยะซ้อนของหลังคา เป็นต้น ในกรณีที่มีโอกาสหรือความเสี่ยงที่น้ำฝนจะไหลย้อนซึมเข้ามาได้ ก็ควรใช้ความลาดชันมากขึ้นตามลำดับ เพื่อให้สามารถระบายน้ำฝนได้รวดเร็วขึ้น

3. หลังคาแบบผีเสื้อ (Butterfly) หลังคาชนิดนี้ประกอบด้วยหลังคาเพิงหมาแหงน 2 หลังหันด้านที่ต่ำกว่ามาชนกัน ไม่ค่อยเหมาะกับ สภาพภูมิอากาศ ที่ฝนตกชุกแบบเมืองไทยสักเท่าไร เนื่องจากต้องมีรางน้ำที่รองรับน้ำฝนจากหลังคาทั้ง 2 ด้าน ทำให้รางน้ำมีโอกาศรั่วซึมได้สูง จึงไม่เป็นที่นิยมสร้างกัน มากนัก ยกเว้นอาคารที่ต้องการลักษณะเฉพาะพิเศษที่แปลกตาออกไป

4. หลังคาทรงหน้าจั่ว (Gable Roof) เป็นหลังคาที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทยเรา มีลักษณะเป็นหลังคาเพิงหมาแหงน 2 หลังมาชนกัน มีสันสูงตรงกลาง เป็นหลังคาที่มีความสะดวกในการก่อสร้าง สามารถกันแดดกันฝนได้ดี และสามารถระบายความร้อน ใต้หลังคาได้ดีอีกด้วย

5. หลังคาทรงปั้นหยา (Hip Roof) เป็นหลังคาที่กันแดดกันฝนได้ดีทุกๆด้าน มีความโอ่อ่าสง่างาม แต่หลังคาชนิดนี้มีราคาแพง เนื่องจากเปลืองวัสดุ มากกว่า หลังคาชนิดอื่นๆ ตลอดจนต้องใช้ช่างที่มีฝีมือพอสมควรในการก่อสร้าง เพราะมีรายละเอียดเยอะกว่าหลังคาชนิดอื่นๆ

6. หลังคาแบบร่วมสมัย (Modern& Contemporary) เป็นหลังคาที่มีรูปทรงทันสมัย แตกต่างจาก 5 แบบข้างต้น และใช้วัสดุที่ทันสมัย ก่อให้เกิดรูปทรง แปลกตา แต่ต้องระวังเรื่องความร้อนและการรั่วซึมนะ

เริ่มต้น AutoCAD ง่ายกว่าที่คิด


          การเขียนแบบใช้เป็นภาษาสากล เป็นระบบสร้างภาพเพื่อถ่ายทอดแบบที่อยู่ใน ความคิด หรือเพื่อช่วยเสริมให้การใช้คู่มือแนะนำการประกอบติดตั้งมีความถูกต้องแม่นยำ
งานเขียนแบบมีบทบาทสำคัญมาแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน อาชีพงานเขียนแบบได้แตกแขนง ออกไปอย่างมากมาย จนสามารถกำหนดเป็นลักษณะวิชาชีพงานเขียนแบบได้ ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของเราเอง ที่เริ่มต้นจาก เขียนแบบ สถาปัตยกรรม คือเขียนแบบบ้านนั่นเอง..แต่พลิกผันมาทำงานเขียนแบบ วิศวกรรม ซึ่ง ก้ออาศัยพื้นฐานการเขียนแบบเดียวกัน 
          ฉะนั้น เราจึงสรุปได้ว่า ถ้ามีพื้นความรู้ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ เขียนแบบด้วยมือได้ อ่านแบบออก AutoCAD ง่ายนิดเดียว  (คำว่าง่ายในความหมายของ "THeGaNG" มิได้หมายถึงง่ายสำหรับทุกคน หรือบุคคลทั่วไปนะคะ..)
ที่บอกว่าง่าย..ไม่ใช่ว่าเราเก่งนะ..
เพียงแต่ พยายามจะหาวิธี หรือเทคนิดเล็กๆ น้อยๆ ให้เพื่อนๆ สามารถเริ่มต้นเรียนรู้จากความเข้าใจ..มากกว่าท่องจำ..อะไรก้อตามที่เกิดจากความเข้าใจจะง่ายเสมอ..
ก่อนอื่น ต้องรู้จัก หลักการของ โปรแกรม Auto Cad

AutoCAD เป็น โปรแกรมไว้สำหรับเขียนแบบนั่นแหละ เปรียบเทียบกับการเขียนด้วยมือ ตรงที่
  •  ดินสอขีดเส้น ปากกา ก็คือ เครื่องมือขีดเส้น เปรียบได้กับคำสั่งต่างๆ ที่ใช้ในการเขียนรูปที่เป็น เส้นตรง
  •  วงเวียน ก็คือ เครื่องมือเขียน วงกลมกับ เส้นโค้ง เปรียบได้กับคำสั่ง ที่ใช้ในการเขียน วงกลมและเส้นโค้ง
  •  ยางลบ ก็คือ ปุ่ม delete กับ เครื่องมือ ตัดเส้นที่วิ่งตัดกัน
  •  ไม้ที หรือ T-Slide เซต สเกล  ก็คือ การพิมพ์ตัวเลขเพื่อบอกระยะ
เดี๋ยวเราจะเริ่มต้นด้วยคำสั่งง่ายๆ ที่ใช้มากๆในการทำงานจริงก่อนนะคะ...อาจข้ามบางคำสั่งที่คุณเห็นในเมนู ซึ่งนั่นหมายความว่าคำสั่งต่างๆ เหล่านั้น เป็นคำสั่งขั้น  Advance ซึ่งยังไม่ควรเรียนในเบื้องต้นเพราะจะทำให้คุณสับสน..เอาเริ่มต้นแบบง่ายๆ ให้คุณคุ้นเคยกับมันก่อนแล้ว คุณจะค่อยๆหาคำตอบในเรื่องที่ยากขึ้นได้ด้วยตัวของคุณเอง..
เริ่มด้วยการเรียนรู้เรื่อง "คำสั่งที่ใช้ในการเขียนแบบ"
เราสามารถเรียกคำสั่งมาใช้งานได้สองวิธี คือ เรียกจากเมนูบาร์ หรือ Icon ลัดที่หน้าจอและ อีกแบบคือเรียกใช้โดยการพิมพ์คำสั่ง ที่ช่อง Command: ด้านล่างของจอ
กลุ่มคำสั่งพื้นฐานที่ควรรู้จัก
  กลุ่มคำสั่ง Draw
    line      เขียนเส้นตรง
    pline     เขียนเส้นตรงและเส้นโค้งแบบต่อเนื่อง
    arc     เขียนเส้นโค้ง
    circle     เขียนวงกลม
    rectangle     เขียนรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
    ellipse        เขียนรูปวงรี
    polygon    เขียนรูปหลายเหลี่ยม
    
กลุ่มคำสั่ง Modify
    copy     ก๊อบปีหรือ สร้างสำเนา     
    move     ย้าย
    mirror    ก๊อบปี้แบบสะท้อน (เหมือนกระจกเงา)
    array     ก๊อบปี้แบบจัดเรียง
    rotate    หมุน
    offset    ก๊อบปี้แบบคู่ขนาน
    fillet      ต่อเส้นให้บรรจบกัน
    trim      ตัดเส้น 
    entend  ต่อเส้น
  นอกจากนี้ คำสั่งที่ใช้กันบ่อยๆ ดังนี้
    strech    การยืดและหดเส้นครับ
    undo      คือการยกเลิกคำสั่งที่ทำก่อนหน้า
    scale     คือการปรับเปลี่ยนสเกลของชิ้นงาน หรือตัวหนังสือ
    object snap คือตัวช่วยในการเขียนแบบเพื่อให้ง่ายดายและแม่นยำยิ่งขึ้น   ดังตัวอย่างในภาพ
       
   แป้นลัด ที่สำคัญ ควรรู้จัก..
    F1    help  โหมดช่วยเหลือ
    F2    text windows โหมดแสดงคำสั่ง  
    F3    Osnap on/off โหมดคำสั่งช่วยในการเขียนแบบ
    F7    grid on/off  แสดง แนวพิกัดคล้าย ๆ สมุดตารางกราฟ
    F8    ortho on/off  บังคับเส้นให้อยู่ในแนว แกน X,Y หรือ องศา 0,90,180,270 เท่านั้น
    F9    snap on/off  ตั้งค่าการก้าวกระโดดของตำแหน่งพิกัดเส้น